Soul of a Nation (1979)
Soul of a Nation : The Royal Family of Thailand จัดทำโดย The British Broadcasting Corporation (BBC)
Saturday, October 29, 2016
Full Documentary : Soul of a Nation (1979) พากย์ไทย
“Soul of a Nation” คือ ชื่อของภาพยนตร์สารคดีชุดนี้ ได้จัดทำขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ BBC ซึ่งได้ส่งทีมงานเข้ามาในประเทศไทย ได้เก็บข้อมูลระหว่างการตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในช่วงปี พ.ศ. 2521-2522 ซึ่งสารคดีชุดดังกล่าวเต็มไปด้วยภาพและเนื้อหาที่คนไทยไม่เคยได้เห็นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้พระราชทานสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษเป็นการส่วนพระองค์อีกด้วย
สารคดีชุดนี้มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง และสามารถแบ่งแยกได้เป็น 2 ตอน คือตอนที่ 1 ความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง 13 นาที และตอนที่ 2 ความยาวประมาณ 38 นาที และมีผู้มาทำการตัดต่อและรวมให้สั้นลงเหลือเพียง 1 ตอนความยาวเหลือประมาณ 23 นาที (แต่สารคดีที่นำมาลงนี้เป็นการรวมทั้ง 2 ตอนเรียบร้อยแล้ว Full Documentary)
สารคดีชุดนี้เป็นสารคดีที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ เพราะไม่เคยได้เผยแพร่ในประเทศไทยมาก่อน อีกทั้งเป็นภาพยนตร์สารคดีที่จัดทำขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 33 ปี แล้ว ประกอบกับยุคนั้นประชาชนไม่ได้มีเทคโนโลยีการบันทึกเทปเก็บภาพยนตร์สารคดีที่ฉายในต่างประเทศ จึงย่อมถือว่าผู้ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่คิดจะนำมาเผยแพร่นั้นต้องสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลชิ้นนี้ได้เป็นกรณีพิเศษ
และความจริงก็ปรากฏว่าเทปบันทึกภาพยนตร์สารคดี “Soul of a Nation” ที่ถูกนำมาเผยแพร่ครั้งนี้น่าจะมีจุดเริ่มต้นจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ได้นำเสนอสารคดีชุดนี้เปิดให้ชมในที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555
โดยในวันดังกล่าวนั้น พลเอกสุรยุทธ์ได้เล่าให้ฟังว่า...
“ได้รับจากผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่งเมื่อไม่นานนี้ เมื่อได้ดูแล้วเห็นว่าควรจะนำมาเผยแพร่ให้คนรุ่นนี้ได้ดูกัน จึงได้นำมามอบให้ ทปอ.จัดแปลใส่คำบรรยาย (ซับไตเติ้ล) ภาษาไทย เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555”
หลังจากนั้นจึงได้มีการนำมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูปต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555
สารคดีชิ้นนี้ถือได้ว่ามีประโยชน์อยู่มาก เพราะด้านหนึ่งเป็นการสรุปให้คนไทยรุ่นใหม่ที่ไม่เคยรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างไร และด้วยปรัชญาตามแนวทางพระราชดำริอย่างไร และในอีกด้านหนึ่งเป็นการนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ชาวต่างชาติได้เข้าใจถึงความเป็นไปเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทยได้อีกด้วย
เหมาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์และเวลาในปัจจุบันที่สังคมไทยบางส่วนเริ่มมีความคิดแตกต่างกันเริ่มมากขึ้นในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย
สำหรับพสกนิกรชาวไทยตามปกติแล้วมักจะรับชมทางสื่อโทรทัศน์ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสในงานพระราชพิธีหรือในพระราชกรณียกิจต่างๆในฐานะทรงเป็นประมุขของประเทศ แต่คนไทยก็ยังไม่เคยทราบและไม่เคยได้เห็นเลยว่าจะมีนักข่าวคนใดก็ตามซักถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในสารคดีชุดนี้มาก่อน
หลายคนแม้จะเคยรับทราบตามพระบรมฉายาลักษณ์อยู่บ้างว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานในห้องทรงงานโดยทรงประทับอยู่ที่พื้น แต่ก็ไม่มีใครได้เคยเห็นภาพเคลื่อนไหวในห้องทรงงานในรายละเอียดเหมือนกับสารคดีชุดนี้เช่นกัน
ผู้สัมภาษณ์ของ BBC เองก็ยังต้องนั่งอยู่กับพื้นในท่าทางที่ไม่ค่อยถนัดนัก ในขณะที่สัมภาษณ์กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในขณะที่ทรงประทับอยู่ที่พื้น และทำให้ประชาชนได้มีโอกาสเห็นห้องทรงงานส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เต็มไปด้วยเครื่องมือวิทยุสื่อสาร และทรงงานเขียนแผนที่บนพื้น อันเป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่ง
ความบางตอนของการสัมภาษณ์ของผู้สัมภาษณ์ BBC ทูลถาม และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงตรัสตอบในสารคดีชุดดังกล่าวดังต่อไปนี้
ผู้สัมภาษณ์ BBC : พระองค์ทรงมองหน้าที่ของพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ว่าคืออะไร และทำไมพระองค์คิดว่าประเทศไทยควรจะมีพระมหากษัตริย์ต่อไป?
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: ข้าพเจ้าไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบได้ ข้าพเจ้าได้ทำสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย แค่นั้น
ผู้สัมภาษณ์ BBC: พระองค์ทรงตระหนักหรือไม่ว่าประเทศไทย จะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้หากไม่มีพระมหากษัตริย์?
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: ข้าพเจ้าไม่ทราบ ฐานะตำแหน่งข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ แต่หน้าที่ของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าทำอยู่ อย่างที่ท่านได้สังเกตเห็นอยู่ไม่ใช่หน้าที่ของกษัตริย์ มันเป็นบางสิ่งบางอย่างแตกต่างกันหรือยากที่จะระบุได้ ข้าพเจ้าแค่ทำสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ท่านถามข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้ามีแผนไหม ข้าพเจ้าไม่มีแผน ข้าพเจ้าแค่รู้ว่าวันนี้ข้าพเจ้าต้องทำอะไรแล้วก็ลงมือทำ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้าง แต่ข้าพเจ้าจะทำสิ่งที่ดีต่อประเทศชาติ”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: ทุกๆ ที่ที่พวกข้าพเจ้าไป ประชาชนจะมองและให้ความสนใจพวกข้าพเจ้า พวกเขามองมาที่พวกข้าพเจ้านั้นไม่ได้ต้องการรบกวนพวกข้าพเจ้า พวกเขาต้องการที่จะรู้จักพวกข้าพเจ้าให้มากขึ้นว่า พวกเขากินอย่างไร พวกเขานั่งอย่างไร และพวกเขาเดินอย่างไร
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ: พระมหากษัตริย์ และ พระราชินีของประเทศไทยมีความใกล้ชิดกับประชาชนมาโดยตลอดจริงๆ ประชาชนมักจะมองพระมหากษัตริย์ดังพ่อของแผ่นดิน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่มีชีวิตส่วนตัวมากนัก เพราประชาชนได้พิจารณาเราในฐานะเป็นพ่อและแม่ของแผ่นดิน ดังนั้นเราจึงอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับประชาชน
ในสารคดีชุดนี้ยังได้อธิบายพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถมากมายเพื่อช่วยเหลืออาณาประชาราษฎร์ทั่วประเทศ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะทรงบันทึกชื่อหมู่บ้านนั้นๆในแผนที่ของพระองค์
แม้แต่นักวิชาการรุ่นใหม่บางคนอาจไม่เคยรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เคยทรงนำการถวายสัตย์ปฏิญาณพระองค์ต่อหน้า พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ในพระมหาอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ก็สามารถรับชมได้ในสารคดีชุดนี้ด้วยเช่นกัน
ผู้สัมภาษณ์ BBC: พระองค์บอกได้ไหมว่าพระองค์ทรงกำลังทำอะไรบนแผนที่ (ในห้องทรงงานส่วนพระองค์)?
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: ถ้าข้าพเจ้าได้มองเห็นบางสิ่งบางอย่าง อย่างที่ท่านเห็นเครื่องหมายวงกลมที่นั่นก็คือสถานที่ซึ่งสามารถถูกพัฒนา และสามารถเห็นพื้นที่ใดสามารถสร้างเขื่อนหรือที่กักเก็บน้ำ หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็จะส่งวิศวกรในพื้นที่นั้นเพื่อทำการสำรวจพื้นที่
ผู้สัมภาษณ์ BBC: ทำไมพระองค์ทรงมีเครื่องมือวิทยุสื่อสารมากมายเหล่านี้ในห้องทรงงาน?
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: การสื่อสาร ท่านต้องรู้ว่าวิทยุไว้ติดต่อสื่อสาร ข้าพเจ้าไม่มีโทรทัศน์ที่นี่
ผู้สัมภาษณ์ BBC: นื่คือลักษณะเครือข่ายข่าวส่วนพระองค์ใช่หรือไม่?
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: ไม่ถึงกับเป็นเครือข่ายการข่าว แต่บางครั้งพวกมันมีประโยชน์มาก บางครั้งในหากมีการติดตามข่าวสารภัยพิบัติในบางแห่ง เราก็จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ความรวดเร็วถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง หลายๆเรื่องที่ท่านได้ยินอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับข้าพเจ้า บางครั้งก็เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมในบางพื้นที่ หรือการจับกุมผู้ค้าเฮโรอีนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สัมภาษณ์ BBC: เวลาพระองค์ประทับอยู่ในห้องทำงานนี่ตามลำพังตอนเย็นๆ ทอดพระเนตรแผนที่ ทรงฟังวิทยุสื่อสาร เป็นเพราะพระองค์เหงา หรือพระองค์ต้องการเวลาส่วนพระองค์หลังจากที่ทรงงานในที่สาธารณะแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว : เป็นคำถามที่ข้าพเจ้าจะสามารถตอบได้หลายแนวทาง ข้าพเจ้าไม่ได้เหงา และข้าพเจ้ามีงานที่ต้องทำ ดังนั้นข้าพเจ้าต้องทำงาน การอยู่คนเดียวทำให้ข้าพเจ้ามีสมาธิและมีสติในการทำงาน เป็นหนทางในการเตรียมตัวเองข้าพเจ้าต่อสถานการณ์ที่อาจจะเจอ ข้าพเจ้าได้รวบรวมข้อมูลจากการฟังวิทยุสื่อการ และการศึกษาแผนที่ การอ่าน หรือการคิด เมื่อเวลามาถึงข้าพเจ้าก็จะได้ข้อเท็จจริงในความคิดของข้าพเจ้า
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ: พระสวามีของข้าพเจ้าและข้าพเจ้าไม่ได้แค่อยากที่จะเข้าไปเยี่ยมเยือนเท่านั้น เราต้องพยายามทำให้ได้ดีกว่านั้น เราต้องพยายามช่วยรัฐบาลในการสนับสนุนและพัฒนาความเป็นสุขของประชาชน เพราะว่าเราเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนา ดังนั้นภาระหน้าที่ของเราในการเยี่ยมเยือนประชาชนในฐานะประมุขของประเทศจึงไม่เกิดประโยชน์ ถ้าเราไม่สามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชนได้ ก็ถือว่าเราล้มเหลวในฐานะเป็นประมุขของประเทศ
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ: ปกติพระสวามีของข้าพเจ้าจะเสด็จมาก่อนข้าพเจ้าและนั่งสมาธิได้ลึกอย่างจริงจัง ข้าพเจ้ายังไม่สามารถนั่งสมาธิได้เช่นนั้น ข้าพเจ้าจึงได้แต่เพียงสวดมนต์ แต่พระสวามีของข้าพเจ้าได้ตรัสว่าการสวดมนต์นั้นก็ใช้ได้ เพราะนั่นก็คือการทำสมาธิเช่นเดียวกัน
ผู้สัมภาษณ์ BBC: ในฐานะทรงเป็นจอมทัพไทย พระองค์ทรงปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนาที่ห้ามการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอย่างไร?
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: นี่คือปัญหาแต่ เวลาที่ทหารถือปืน ปืนกระบอกนี้มีไว้เพื่อเจตนาสำหรับยิง และยิงอะไร? ยิงศัตรู นั่นคือความเป็นไป แต่ถ้าเขาถือปืนโดยมีเจตนาเพื่อป้องกันและรักษาประเทศด้วยเจตนาเช่นนี้ เขาไม่ได้ทำบาป แต่แม้กระทั่งมีศัตรูบางคนเข้ามา เขาต้องยิง ทำไม? เพราะว่าเขามีเจตนาที่จะต้องป้องกันประเทศ รักษาประเทศชาติและเพื่อรักษาศาสนา และถ้าศัตรูเข้ามาแล้วประเทศถูกทำลายและไม่มีศาสนา ก็จะไม่มีความดีเหลืออยู่
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ: ความรักและความเมตตากรุณาเป็นสิ่งที่ควรให้แก่ผู้อื่น เพื่อให้แต่เพียงอย่างเดียวไม่ใช่เพื่อรับด้วยความรัก นั่นคือเหตุผลที่พระสวามีของข้าพเจ้าและข้าพเจ้าจึงสามารถทำงานได้ปีแล้วปีเล่า วันแล้ววันเล่าโดยไม่เจ็บป่วย แต่เราทราบดีว่า เมื่อถึงเวลาที่ต้องตาย ไม่มีใครหนีความตายได้
สารคดีชุดนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ คนไทยทุกคนควรได้มีโอกาสรับชมและทำความเข้าใจในสารคดีชุดนี้ และช่วยกันเผยแพร่ให้คนไทยและชาวต่างประเทศได้รับทราบให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้คนทั่วโลกได้เข้าใจว่าเหตุใดคนไทยส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดในประเทศนี้จึงได้มีเคารพรักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถอย่างหาที่สุดมิได้
Subscribe to:
Posts (Atom)